Full Preview บินไปกว่างโจว ทดสอบ Zontes 368 G แบบเบาๆแล้วมาเล่าสู่กัน

แชร์บน

Full Preview บินไปกว่างโจว ทดสอบ Zontes 368 G แบบเบาๆแล้วมาเล่าสู่กัน

อีกครั้งที่ได้เดินทางไปทดสอบรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปล่าสุดใน Motor expo 2024
Zontes 368G รถจักรยานยนต์ที่มียอดจองอันดับหนึ่งของ Motor expo 2024
และแน่นอนว่าเป็นรุ่นที่ถูกกล่าวถึงและจับตามองมากที่สุดในขณะนี้
โดยกระทู้นี้จะขอแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆเช่นเคยตามสไตล์พันทิป
ส่วนแรก เรื่องราวของการเดินทางไปกว่างโจว
ส่วนที่สอง การทดสอบขับขี่และผลที่ได้
พร้อมแล้วก็ไปด้วยกันครับ ^^

เปิดทริปนี้ ด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ไปจอดไว้ที่ลานจอดของสนามบินสุวรรณภูมิกันก่อนเลยจ้า ค่าจอดวันที่ 70 บาท โดนไป 5 วัน สบายใจ ต้องจอดตากแดดหลายวัน ติดผ้าคลุมมาด้วยเน้อ

เครื่องออกประมาณเที่ยงครึ่ง ผมไปถึงประมาณสิบโมง เข็นกระเป๋าสองใบไปโหลดชิวๆ ตัดฉับมาที่สนามบินกว่างโจวกันเลยครับ ลืมบอกไปว่าเราบินมาด้วยสายการบินไชน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์ แบบฟูลเซอร์วิส มีน้ำหนักโหลดกระเป๋ายี่สิบกว่าโล มีอาหารและเครื่องดื่มบริการระหว่างบิน บริการถือว่าโอเคอยู่นะ โดยเฉพาะที่นั่งแม้จะเป็นแบบอีโคโนมี่ แต่ก็นั่งสบายไม่อึดอัด บินมาประมาณสามชั่วโมงครึ่งก็แลนด์ที่กว่างโจวแล้ว

ส่วนท่าอากาศยานนานาชาติกว่างโจวไป๋-ยฺหวิน ก็แน่นอนว่าของบ้านเราเทียบไม่ติด โดยเฉพาะห้องน้ำ การเข้าแถวเข้า ตม. และ ศุลกากร ไม่มีอะไรยุ่งยาก การจัดการโดยรวมในสนามบินถือว่าเริ่ด

กว่าจะออกมาจากสนามบินก็ประมาณห้าโมงของบ้านเขา และก็เริ่มมืดแล้ว เราเลยตัดสินใจหาอะไรกินกันก่อน มื้อแรกก็ในภัตคารเล็กๆแถวๆสนามบินนั่นแหละ รสชาติถือว่าโอเค ไม่จืดเท่าที่คิดไว้ แต่เรื่องมันนี่มันจริงอะไรจริง จากกว่างโจว เราต้องเดินทางด้วยรถบัสไปยังเมืองเจี้ยนหนานกันต่อ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งเราก็มาถึงที่พักเป็นโรงแรมฮอลิเดย์ อิน ที่เจี้ยนเหมิน มาถึงก็เช็คอินเอากระเป๋าไปเก็บ แกงค์ไท้กั๋วเหรินก็ไม่รอช้า ออกลาดตระเวณรอบๆโรงแรมเพื่อความปลอดภัย(ทางโภชนาการ)

โรงแรมที่เราอยู่ เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองนี้ก็ว่าได้ มีกระทั่งห้างสรรพสินค้า ได้ไง เราก็ต้องเข้าไปเช็คราคาอยู่แล้วป่ะ เดินๆส่องๆดูแล้ว ราคาแทบไม่ต่างจากบ้านเรา บางอย่างแพงกว่านิดหน่อย

หลายวันที่อยู่ที่นี่ พอจะได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง คือมอเตอร์ไซค์ทั้งเล็กทั้งใหญ่ เขาเน้นให้จอดบนฟุตบาทนะ เพราะทำที่จอดไว้ให้บนฟุตบาทแบบจอดกันได้เต็มที่เลย ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90 ก็จะเป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ดูเป็นที่นิยมที่สุด เรียกว่าไปไหนก็เจอ

มาๆ มาส่องสตรีทฟู๊ดหลังโรงแรมกันต่อครับ เดินนำโดย เบนซ์ ไกด์จีน (เพราะดูเขาคล่องมากเวลาอยู่ในจีน ผมเลยอวยยศให้ 555+)

หน้าบาร์เล็กๆที่ซ่อนอยู่ในตรอกหลังโรงแรม มีกลิ่นไทยแปลกๆออกมาซะด้วย

ใช่แล้ว ใต้โรงแรมเรามีเซเว่นซะด้วย แบบนี้สารวัตรแทนกัลผู้กองบูมต้องนำตรวจค้นแอลกอฮอล์กันหน่อย ลาดตระเวนรอบโรงแรมไปหนึ่งรอบ สรุปมาจบกันที่ร้านแรกๆนั่นแหละ ว่าแล้วก็รูดหม่าล่ากับมี่เสวียะกันเฉย  อ่อ ลืมบอกๆ ที่นี่ใช้ทรูมันนี่วอลเลทสแกนจ่ายอาลีเปย์ได้เลยจ้า สะดวกแบบนี้…บรรลัยได้ง่ายๆเลยนะ เงินไปไวมากกกก

วันที่สองของทริป….

สบายเลยครับ ฝนตกยาวๆทั้งวัน จากพยากรณ์อากาศก็น่าจะตกพรุ่งนี้อีกวัน แต่ชีวิตมันก็ต้องไปต่อ นั่งรถบัสจากโรงแรมไปโรงงานซอนเทสกันครับ (ประมาณ 15 นาที) แล้วเราก็มาถึงโรงงานซอนเทสในที่สุด กางร่มกันไปเลยฮะ ไกด์บอกว่าคนที่นี่ดีใจมากที่ไท้กั๋วเอาฝนมาให้(เอ้าวววว)

กำลังเพลินๆสินะ แต่คนเขียนตาจะปิดแล้ว พรุ่งนี้สายๆมาต่อจ้า .. มาต่อกันจ้า แล้วเราก็ได้มาถึงที่นี่ โชว์รูมหน้าโรงงานของ Zontes ท่ามกลางบรรยากาศแบบฝนพรำ พร้อมอุณหภูมิประมาณ 20 องศา และน้องขิง 3.0 ก็จอดรอให้เราวิเคราะห์อย่างเพียบพร้อม

มาถึงก็ไม่รอช้า ไม่ให้เสียหน้าสื่อไทย เปิดหน้างานวิเคราะห์กันก่อนลงขี่ทดสอบกันเลยจ้า

หลังจากนั้น พวกเราได้มีโอกาสเข้าไปชมทั้งการออกแบบ และ การผลิตในแผนกต่างๆในโรงงานกันด้วย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพหรือวีดีโอออกมาเผยแพร่ (สามารถไปหาชมได้กับกลุ่มที่เคยมาก่อนหน้านี้) บอกได้แค่ว่าจริงตามที่เผยแพร่ออกไป อะไรใช้โรบอทได้ใช้ อะไรที่ยังไม่ได้ใช้ก็รอที่จะใช้ งานเหล็กและอลูมิเนียมขึ้นรูปเอง ชิ้นส่วนแฟริ่งชุดสีฉีดเอง เฟรมเชื่อมโรบอทเอง พ่นสีโรบอท เครื่องยนต์ทำเองทุกชิ้น ตีคร่าวๆประมาณร้อยละแปดสิบพวกทำเองในโรงงานนั่นแหละ แทบไม่พึ่งซัพพลายเออร์กันเลย

ถึงฝนจะตก…แต่เราก็ไม่ยั่น ลงไปทั้งแทรคเปียกๆนั่นแหละ พอลงไปสักสอบรอบ เอ๊ะ ช่วงล่างกับยางมันเกาะกับถนนเปียกดีเฉย

เขาเอามาตั้งไว้ให้เล่น ก็เอาสักหน่อย เอ้า ดีเฉย

ช่วงเย็นๆ เราได้ไปลองบนถนนจริง + ถ่ายภาพแบบโรลลิ่ง กันบนถนนจริงๆในตัวเมือง เป็นถนนที่สร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่เปิดใช้งาน  ฝนก็ยังตกพรำๆ อากาศก็เย็นกำลังดี

กลับถึงโรงแรม ทานอาหารมื้อเย็น แล้วก็แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย ส่วนผมก็ไปจัดรองเท้าที่เล็งเอาไว้ในห้างใต้โรงแรมนั่นแหละฮะ คนซ้ายในภาพเป็นช่างภาพของทีมนี้ มาจัดไปแล้วเมื่อวานสองคู่ เราเห็นว่ามันเวิร์คเลยมาจัดบ้าง ผมเลยหนีบพี่ชาญ(คนขวา)มาลองด้วย เลยได้อีกสองคู่ แถมได้ถูกกว่าเมื่อวานอีก ฮี่ๆ

วันที่สามของทริป….

วันนี้จริงๆตามแผนจะไปขี่กันตามเทรล แต่ฝนที่ยังไม่หยุด ทำให้สภาพเส้นทางนั้นไม่เหมาะ เลยเปลี่ยนแผนมาเป็นการพักผ่อนด้วยการไปเดินเล่นในห้างและไปเดินเล่นที่เป่ยจิงลู่กันแทน ว่าแล้วก็วินโดวส์ทัวร์บนรถบัสกันหน่อย กว่างโจวถือเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่ในรูปแบบของประเทศที่พัฒนาแล้ว ทุกอย่างในเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยดูเป็นไปตามผังเมือง รถไม่ติด ส่วนมอเตอร์ไซค์ในเมืองส่วนมากก็จะเป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้าตามที่เห็น และอย่างที่บอกไปก่อนนี้ คือ เขามีที่จอดบนฟุตบาทที่กว้างขวาง และมีเลนให้มอเตอร์ไซค์วิ่งบนฟุตบาทได้เลยเพื่อแก้ปัญหาการจราจร ในชั่วโมงเร่งด่วนก็มีเลนพิเศษให้มอเตอร์ไซค์ไปวิ่งสวนเลนที่ขอบทางจราจรในอีกเลนที่สวนมาได้ บางจุดก็จะมีเจ้าหน้าที่โบกให้ขึ้นไปบนฟุตบาทได้เลย

ช่วงบ่าย ไปเดินเล่นที่เป่ยจิงลู่ ดูบ้านดูเมือง กับถนนสายประวัติศาสตร์ที่ใช้งานมาตั้งแต่โบราณ และปัจจุบันก็ถือเป็นศูนย์กลางของเมืองให้คนมาเดินเล่นและจับจ่ายใช้สอย

หลบฝนเข้าห้าง แวะจุ่มไปอีกหน่อย…จุ่มไปจุ่มมาชักไม่หน่อยแล้วแหะ

ท่ามกลางวงจรของผู้คนที่ควั่กไขว่เบื้องนอก และผมที่ไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย เพราะไม่รู้มาก่อนว่าจะได้มาเดินเล่นที่เป่ยจิงลู่ เดินไปเดินมา หลงไปเจอวัดพระใหญ่โดยบังเอิญ เป็นอีกที่ๆไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเป่ยจิงลู่

วันที่สี่ของทริป…..

โอเค วันนี้อากาศแจ่มใสฟ้าปลอดโปร่งแล้ว ก็ได้เวลาออกไปทำงานกัน เราไปลองขี่รถกันที่อ่างเก็บน้ำเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่ต้องนั่งรถออกจากตัวเมืองเจี้ยนเหมินไปชั่วโมงครึ่ง เป็นวันที่อากาศดีมาก มีแดด แต่อากาศเย็นสบาย ทำงานกลางแดดกันได้ทั้งวันครับ

โอเค มาต่อกันที่เรื่องรถครับ มาดูจุดต่างๆของรถกันก่อน แต่ก่อนอื่นจะต้องบอกว่านี่คือฉบับอัพเดทที่มีข้อมูลมากกว่าที่ไปขี่ในทริปนี้ เพราะหลังจากนั้น ผมก็ได้ใช้เจ้า ZONTES 368G ออกทริปตามประสาบ้างพอสมควร แต่ยังเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนทีเป็นทางดำเท่านั้นนะครับ

ส่วนของทางแดงขอติดไว้ก่อน ตามแผนที่จะไปก็จะมี ดอยสอยมาลัย กลอเซโล สบเมย และอีกสองสามที่ๆกำลังเล็งเอาไว้ (กำลังหาข้อมูล) โดยในส่วนของทีมเรา ได้รถทดสอบมาทั้งหมดสองคัน ผมคันนึง และ เทพแต๊กเตี้ยล่ำดำแก่อีกคันนึง

สิ่งที่เพิ่มเติมมาจากฉบับพรีวิวที่ลงไว้ในยูทูป อีกอย่างที่อยากจะเล่า คือ …. ZONTES 368G มันรถที่คิดมากครับ….คือคนออกแบบมันคิดมาก คิดเยอะ คิดเผื่อจนรายละเอียดมันท่วมรถไปหมด  ถ้าจะให้ยืนพูดรีวิว บอกตรงๆผมพูดได้เป็นชั่วโมงนะถ้าเอาแบบละเอียดและไม่เน้นสเปค แต่ฉบับพิมพ์ลงกระทู้นี่ถ้าเอาตามนั้นก็น่าจะเมื่อยนิ้วน่าดู เอาเป็นว่า เอาพอหอมปากหอมคอก็แล้วกันครับ จุดแรกเลยครับ มันควรถูกจัดอยู่ในประเภทไหนของรถมอเตอร์ไซค์ ???

ส่วนตัวแล้ว ผมจัดให้มันอยู่ในประเภทของ Adventure Scooter ที่….Enduro ได้นิดหน่อย

ใช่ครับ มันเคยเป็นประเด็นดราม่ากับเจ้าสติกเกอร์ที่แปะมาข้างรถว่า Enduro

ซึ่งประเด็นพวกนี้ ผมขี้เกียจไปต่อความยาวสาวความยืดในโซเชี่ยลมีเดีย

แต่ประเด็นนี้ผมยินดีที่จะส่งข้อมูลนี้แลกเปลี่ยนกับพี่น้องในพันทิป

ว่าผมคิดเห็นอย่างไร ถือบอกว่า มัน Enduro ได้นิดหน่อย

แต่ก่อนจะนำไปสู่ข้อสรุปดังกล่าว ผมขอพาทุกท่านชมตัวรถรอบๆคันก่อน เพื่อที่จะเล่าว่า…ที่ว่าเขาคิดมากเนี่ย มันเป็นอย่างไร

จุดแรกเลย ชุดกันสะเทือนหน้า…โช้คอัพแบบหัวกลับคู่นี้ ขนาดกระบอกโช้ค 51mm ขนาดแกนโช้ค 41mm
นิดๆกับช่วงหลังของบังโคลนหน้า ไม่ใช่พลาสติกนะ แต่เป็นยางจ้า ยุบตัวได้ถ้าโช้คหน้ามันยุบจนสุด

แค่นั้นไหม ก็ไม่แน่ๆ ในเมื่อมันเป็นรถที่ ON/OFF กับรูปแบบถนนได้ มันจึงมีสเปคที่ยืดหยุ่นในการปรับตั้งค่า นั่นคือ มันสามารถปรับคอมเพรสชั่นและรีบาวด์ได้ อยากได้แบบไหน ปรับเอาโลด อ่อ ลืมบอกไป แผงคอที่จับโช้ค…ให้มาแบบเป็นคู่นะ จับบนจับล่าง สบายใจ!!

ปั้มเบรคให้ของสเปนมาพร้อม ABS ยี่ห้อนี้จะอ่านแบบไหนดี เจจวน หรือ เฮฮวน ก็แล้วแต่สะดวก แต่ที่แน่ๆคือของดี เท่านั้นไม่พอ ผ้าเบรคที่ติดมายังเป็นเกรดดี เพราะให้เแบบซินเตอร์มาเลยจ้า อ่อ สายน้ำมันเบรคทั้งหน้าและหลังก็เป็นสายถักมาเลยนะ

จุดเด่นที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของ Zontes 368G หลักๆอีกอย่างก็คือเจ้าล้อนี่แหละ เพราะเลือกใส่ล้อกระทะซี่ลวดแบบไม่ใช่ยางใน หรือ ทูปเลส มาให้ คือให้ของดีของแพงมาเลย จุดดีถ้าเทียบกับล้อแม็ค ผมคงไม่ต้องเอามะพร้าวห้าวมาขายเพื่อนๆในพันทิปนะ เอาเป็นว่าสเปคล้อชุดนี้ หน้าขอบ 17 นิ้ว กับ ยาง CST ขนาด 110/70 – 17 บอกเลยว่าหนึบกว่าหน้าตา และใช้งานทั้งทางดำทางแดงได้ดีมาก อ่อ ซี่ลวดติดรถมาเป็นแสตนเลสนะ แม่เหล็กดูดบ่ติดเด้อ

หน้าปรับได้ หลังก็ต้องปรับได้ โช้คหลังคู่ ปรับพรีโหลดได้ ปรับรีบาวด์ได้ เดิมๆโรงงานให้มาขนาดนี้เลยจ้า อ่อ เบรค ABS หลังเลือกปิดได้ด้วยนะ

ล้อหลังแบบซี่ลวดไร้ยางในอีกเช่นกัน ให้มาเป็นขอบ 14 นิ้ว รัดด้วยยาง CST ขนาด 150/70 – 14  และ ช่องเก็บของใต้เบาะ….ไม่สิ เรียกว่าช่องคงเล็กไป เรียกว่าห้องเลยก็ได้ ความจุ 52 ลิตร ยัดได้สะใจใหญ่สุดในรุ่น มาพร้อมกับไฟส่องสว่างเมื่อเปิดเบาะ และ USB Charger 2 port ทั้ง type A และ type C

จอแสดงผล TFT COLOURS ขนาด 8 นิ้ว ใหญ่สุดในคลาส ออฟชั่นยัดมาบานตะเกียง ปรับรูปแบบหน้าจอ(UI)ได้สี่แบบ รองรับการมิลเรอร์หน้าจอผ่านแอปพลิเคชั่น เอาไว้โยนกูเกิลแมปหรือยูทูปขึ้นหน้าจอ ออฟชั่นการแสดงค่าต่างๆมาเยอะมาก เอาหลักๆก็แรงดันลมยางพร้อมอุณหภูมิยางหน้าหลังแบบเรียลไทม์ ทริประยะทาง ค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลือง ระยะทางที่ทำได้กับปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง ฯลฯ ใต้จอแสดงผล มี USB Charger 2 port ทั้ง type A และ type C มีฝายางกันน้ำกันฝุ่นปิดไว้ให้เมื่อไม่ใช่งาน

ประกับขวาและซ้ายมาพร้อมปุ่มแบบละลานตาประหนึ่งเครื่องบินรบ แต่ทั้งหมดออกแบบให้ใช้งานได้แบบไม่ขัดเขิน ประกับซ้าย สวิทช์ไฟสูง/ต่ำ สวิทช์ยกไฟสูง สวิทช์ไฟเลี้ยว สวิทช์แตร สวิทช์ไฟฉุกเฉิน สวิทช์โหมดสปอร์ตไลท์ สวิทช์SET/MODE  ประกับขวา สวิทช์off/run สวิทช์DRL สวิทช์สตาร์ทไฟฟ้า สวิทช์เปิด/ปิดการทำงานของระบบไฟ สวิทช์เปิดใต้เบาะ สวิทช์ปิดแทรคชั่นคอนโทรล

ติดตั้งการ์ดแฮนด์มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แน่นอนว่าตัวล็อคเบรคก็มีมาให้เช่นเดียวกับตัวก่อนหน้านี้ มือเบรคทั้งสองข้างปรับระยะได้เพื่อรองรับความยาวของนิ้วมือแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน และแฮนด์บาร์สามารถปรับได้สามระยะ

คอนโซลกลาง มีตะขอแขวนถุงสัมภาระแบบพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน ถังบรรจุเชื้อเพลิงขนาดความจุ 17.5 ลิตร เชื้อเพลิงที่แนะนำควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 นะจ๊ะ (ว่าตามกำลังอัด)ฝาถังคิดเยอะ ล็อคด้วยระบบไฟฟ้า เมื่อกดสวิทช์เปิดระบบไฟฟ้าที่แฮนด์ขวา จะเปิดฝาถังได้ และเมื่อปิดสวิทช์ ฝาถังจะล็อคตัวเอง และฝาถังจะไม่สามารถเปิดได้เมื่อเครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่ คือ บังคับให้จอดดับเครื่องเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง

หนึ่งในออฟชั่นที่สะท้านวงการ (ถ้าจองในช่วงโปรโมชั่น) คือในราคานี้ ได้กล้องแดชแคม ความละเอียด Full HD 1080P เซ็นเซอร์ Cmos ของโซนี่ ติดตั้งมาให้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ระบบจะบันทึกวีดีโอแบบอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ มีหน่วยความจำแบบติดตั้งถาวรภายในตัวที่ 128GB บันทึกแบบวนลูป สามารถดึงไฟล์ออกจากระบบได้ผ่านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นในมือถือ

ไฟหน้าแบบLEDโปรเจคเตอร์ 4 ดวง ให้ความสว่างได้ดีและเพียงพอในการเดินทาง  พร้อม Daytime Running Light ที่ให้แสงสว่างเพื่อความปลอดภัย

แครชบาร์และสปอร์ตไลท์พร้อมฟุตเพลท เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาให้พร้อมกับโปรโมชั่นในช่วงนี้  สปอร์ตไลท์เก็บงานมาดีใช้งานได้จริง คัทออฟคมๆไม่กระจายรบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง เลือกเปิดได้ทั้งแสงสีขาว สีเหลือง และแบบกระพริบ(สีขาว) แครชบาร์มาพร้อมกับจุดยึดที่ออกแบบมาได้ลงตัว ไม่ต้องไปเสี่ยงกับของแต่งที่เป็นงานดัดแปลง

อีกหนึ่งที่ไม่ต้องไปหาของแต่งให้เมื่อยตุ้ม คือพักเท้ายืนขี่ของผู้ขับที่ให้ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานแล้ว จากการลองใช้งาน มันเวิร์คและกริปรถได้จริง(แต่เอาน่องหนีบเบาะนะ) และที่สำคัญบอดี้ของรถมีการเว้าในจุดที่จะต้องเอาขาลงยืนให้แล้ว เรื่องนี้ช่วยได้มากสำหรับคนที่มีส่วนสูงไม่มาก คิดมาเยอะจริงอะไรจริง ท่อไอเสียแบบแสตนเลสทั้งใบใหญ่บิ๊กเบิ้ม ออกแบบได้เข้ากันดีกับตัวรถ สุ่มเสียงไม่เงียบนะ แต่ไม่หนวกหู

เครื่องยนต์ตัวจี๊ดที่เจ็บกว่าใครในพิกัดไม่เกิน 400 กับเครื่องยนต์สูบเดียวแคมเดียว ระบายความร้อนด้วยน้ำ(หม้อน้ำวางไว้หลังล้อหน้า) พิกัด 368cc ตามชื่อรุ่น ให้แรงม้าที่ 38.23 แรงม้า@ 7,500 รอบต่อนาที (28.5 กิโลวัตต์) / แรงบิดที่ 40 NM@6,000 รอบต่อนาที ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 79.0 mm X 75.0 mm / อัตราส่วนการอัด 11.8:1 / คลัทช์แห้งแบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ ขับล้อหลังด้วยสายพาน CVT

ข้อสรุปสั้นๆแบบกระชับใจความ….จากการทดสอบขับขี่ Zontes 368 G ในหลายโจทย์

– ขับขี่ในสนามทดสอบหน้าโรงงาน

ทันทีที่ขึ้นคร่อม ฟีลลิ่งมันแปลก รู้สึกใหญ่เกินคลาส แต่ทุกอย่างกระชับเกินคาด เมื่อได้ลองออกไปบนแทรคของสนามทดสอบหน้าโรงงานในสภาพแบบฝนพรำๆ ยางยังไม่ได้รันอิน ผ้าเบรคก็เรียกได้ว่าสดๆ (รถเพิ่งออกจากโรงงาน ระยะทางรวมแค่ 4 กิโลเมตร) รอบแรกวนๆทำความคุ้นเคยกับมิติของรถ รอบต่อมาเริ่มจับบาลานซ์ต่างๆทั้งนั่งและยืน พอเริ่มจับจุดได้ก็เริ่มหวด เริ่มตึง เริ่มลีนรถเอียงมากขึ้นๆ พบว่ารถมีสมดุลที่ดีถึงดีมาก ขี่แล้วไม่มีเอ๊ะ ไม่มีอ๊ะ มีแต่เฮ้ย เดี๋ยวนะๆ หืมมมม ได้อีกแหะๆ ในทางเรียบๆแม้จะฉ่ำไปด้วยน้ำฝนและอุณหภูมิยางที่ค่อนข้างเย็น แต่ด้วยCGที่ยอดเยี่ยม ทำให้ทุกการพลิกโค้งไม่มีติดขัด

แม้จะให้ล้อหน้าขนาด 17 เมื่อพลิกบ่อยๆและปรับตัวได้แล้ว ก็พบว่ามันคมได้เท่าที่ควรและเกินควรไปนิดหน่อยเมื่อเทียบกับมิติของตัวรถ เอาเป็นว่าสื่อและอินฟูลเอนเซอร์ทุกท่านที่ได้ลองในวันนั้นคุยกันว่าเกินคาดไปพอสมควรทุกคน คือจะบอกว่าตอนที่ได้ลอง 350E และ 350D ก็ว่ามันว้าวเกินคาดแล้วนะ เจ้า 368G นี่เกินคาดไปกว่านั้นได้อีกระดับ

ปกติแล้วเวลาขี่รถใหญ่ที่เป็นล้อซี่ลวดทูบเลส หลายๆคันบางคนจะต้องปรับตัวกับล้อที่มันเบากว่าล้อแม็ค พูดเลยว่าเทียบรุ่นเดียวกับแล้วถ้าใส่ล้อซี่ลวดกับล้อแม็ก ความมั่นคงในเวลาเลี้ยวหนักๆล้อแม็กจะเหนือกว่า แต่กับ Zontes 368 G นี่มันใกล้เคียงกันมากๆจนพอลองคิดว่ามันไม่ต่าง มันก็ไปได้แทบไม่ต่างกันจริงๆ

ที่สำคัญยางติดรถที่ให้มา บนทางเปียกถือว่ามันเกาะเกินคาด และเมื่อมันทำงานร่วมกับแทรคชั่นคอนโทรลที่ค่อนข้างละเอียด เวลาเปิดคันเร่งออกจากจุดกึ่งกลางของโค้ง รู้สึกได้ว่าแทรคชั่นมันทำงานนิดๆ แต่ไม่กระตุกและตัดรอบรถให้เสียอาการ ตรงนี้คือว้าวกันมาก ทำงานอย่างกับแทรคชั่นของรถซุปเบอร์ไบค์ดีๆคันหนึ่งเลยแหละ

และสเตปสุดท้ายก่อนปิดสนาม เราลองโดนแรมม์กันเบาๆที่ความสูงประมาณ 1 ฟุต อาการตอนลงมาก็เกินคาดกันอีกครั้ง ไม่มีสะดุด ไม่เป๋ ไม่เสียอาการอะไรทั้งนั้น วนโดดกันอยู่หลายรอบ จนหางตาเราเริ่มเหล่แรมม์ 2 ฟุต พอกำลังจะวนไปตั้งท่าเท่านั้นแหละ หมดเวลาขี่กันไปเสียก่อน แต่จากที่เราลองแล้ว เชื่อว่ากับแรมม์ 2 ฟุต ก็เอาอยู่แน่นอน

– ขับขี่ทางลุยเบาๆริมอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง

บนแทรคที่เป็นดินปนทราย….ปนแบบร่วนๆเลย เอาจริงๆสัดส่วนน่าจะทราย 60/ ดิน 40 ไปแล้ว กับสภาพอากาศเย็นสบาย ดินทรายทึ่อุ้มน้ำมาหลายวันยังไม่เซ็ทตัวดี (เหมือนเพิ่งจะได้แดดวันนี้นี่แหละ) แน่นอน เจอทางแบบนี้ จะให้ถึงใจก็ต้องปิดแทรคชั่นคอนโทรล และ ปิดระบบ ABS ที่ล้อหลัง จะได้เลื้อยกันสนุกๆ อ่านแล้วเหมือนจะลองกันเล่นๆ แต่จริงๆคือเราอยากรู้ว่าถ้ารถเริ่มเสียอาการมันจะเอาง่ายหรือยาก

ทั้งหมดมันคือเกินคาดไปอีกครั้ง เปิดคันเร่งออกตัว เปิดคันเร่งในระหว่างขี่ มันก็เลื้อยได้แบบสนุกตามข้อมือ ส่วนผมไม่ได้เปิดหนักมากนัก เอาพอเป็นพิธี พอได้สนุก เราก็พบว่ารถมันเอาอยู่ง่ายกว่าหน้าตา เปิดปรึ้ดพอท้ายเริ่มออกเราคืนคันเร่งมันก็กลับมาง่ายๆ เปิดให้หนักขึ้นอีกแล้วคืนคันเร่งอีกทีเออมันก็กลับมาได้ ลองเปิดตอนขี่แล้วเอียงรถช่วยกับโค้งเล็กๆ มันก็สไลด์ได้พอสนุกตามระดับของทักษะ คนที่เปิดหนักหน่อยก็บอกว่าเฮ้ยพี่มันสนุกอยู่นะ

ทีนี้มาถึงช่วงยุบของโช้คอัพ กับทางเบาๆแบบนี้มันทำงานได้ดีและน่าพอใจมาก รูดหลุมน้ำกันรัวๆ เอาซะน้ำสาดออกไปแทบจะเกลี้ยงหลุมก็ยังไม่รู้สึกว่ามันไม่มั่นคงอะไรเลยแต่อย่างใด ลองลงไปแบบกระแทกโช้คหน้าลงไปก็ไม่เสียอาการ โดยสรุปแลัวกับทางเทรลดินปนทรายแบบนี้ เราพบว่ามันดีเกินคาดไปอีกแล้ว ขั้นต่อไปคือต้องไปหาทางหินลอยลองกันสักหน่อย เพราะจากอาการ เรารู้เลยว่าโช้คอัพหน้านั้นเฟิร์มพอดี แต่โช้คอัพหลังเซ็ทจากโรงงานมาค่อนข้างตึง ดูจะตึงเกินกว่าคำว่า Adventure ไปหน่อยด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่ามัน Enduro ได้แบบเบาๆ และนี่คือโจทย์ที่เราจะทดสอบกันในสเตปต่อไปในทริปที่กำลังจะมาถึง

ทดสอบขับขี่บนถนนจริงในไทย ทั้งในกรุงเทพและออกต่างจังหวัดไปกลับบุรีรัมย์

หลายคนที่ได้ลองขี่บนถนนจริงในบ้านเรา อาจจะพบว่า…หลังมันตึงไปนิดนึง มากน้อยตามน้ำหนักตัวและน้ำหนักบรรทุก  ส่วนโช้คหน้านี่เซ็ทติ้งเดิมๆนี่เฟิร์มเหลือ ไม่ต้องทำไม่ต้องปรับอะไรก็ขี่ได้ครอบคลุม ใครจะไปปรับอะไรเพิ่มก็ว่ากันไปว่าอยากได้แบบไหน แต่หากได้ลองโดดแรมม์สักฟุตหนึ่งก็จะเข้าใจว่า ทำไมขี่ธรรมดาแล้วหลังมันตึงๆ ที่โดดลงมาแล้วมันไม่เป๋ก็เพราะเซ็ทติ้งนี้ไง

เอาจริงๆช่วงล่างคันนี้มันเป็นไปตามคาแรคเตอร์เบื้องต้นของสกูตเตอร์ก่อนเลย คือปกติสกูตเตอร์เนี่ยจะให้มันนุ่มเท่ารถเกียร์มันก็ไม่ใช่อยู่แล้ว ต่อให้นุ่มเท่าที่จะนุ่มได้ ปัญหาของน้ำหนักใต้สปริงโช้คหลังที่เครื่องกับสวิงอาร์มเป็นชิ้นเดียวกันนั้น ยิ่งนุ่มจะยิ่งย้วย(ถ้าเซ็ทรีบาวด์ไม่ได้หรือไม่ดี) ทีนี้เวลาหลังมันดีนี่ก็จะดึ๋งๆ เจอโค้งไม่เรียบทีล้อหลังก็สับกันสนุก เล่ามากกว่านี้จะกลายเป็นบ่น เอาเป็นว่าส่วนหนึ่งเราต้องเข้าใจข้อจำกัดของรถแต่ละประเภทกันก่อนเด้อสูว่ามันดีสุดได้แค่ไหน

ทีนี้แล้วยิ่งโช้คหลังเป็นโช้คคู่แบบนี้ มันก็ไปตรงกับข้อจำกัดที่ว่า แถมยังเจอกับคาแรคเตอร์รถที่เซ็ทช่วงล่างมาเน้น “ตึง” กันเข้าไปอีก หลายคนจะบอกว่าหลังมันกระด้างไปบ้าง อันนี้ไม่เกินจริง แต่คนเดียวกันก็จะบอกว่าพอซ้อนสองแล้วโอเคนะ นี่ก็เรื่องจริงอีกเหมือนกัน เพราะมันก็คือเอฟเฟคของเซ็ทติ้งนั่นแหละโยม

ช่วงล่างแบบนี้ พอมาเจอถนนจริงในบ้านเรา ไฮเวย์ที่รถใหญ่ก็หนีมาวิ่งเลนขวา เพราะหลายจุดคือเลนซ้ายมันพัง ไม่ถึงกับเละ แต่ละขับขี่เลนซ้ายก็สงสารรถ….แต่ๆๆๆ กับ 368G นี่ยิ้มหวานเลยจ้า รูดไปเพลินๆให้ล้อซี่ลวดกับโช้คอัพหน้าหลังและเฟรมตัวนี้ทำงานอย่างเต็มที่ ลองแล้วจะฮึ้ยยยยยยยย นี่แหละรถสกูตเตอร์สำหรับเดินทางในบ้านเราที่หลายๆคนกำลังตามหากันอยู่ รูดไปเลยนะ นี่ลองรูดมาเยอะแล้ว ไม่ต้องกลัวล้อดุ้ง รูดไปโลดดดดดดดดดดดดดจ้า

และอีกเรื่องที่ต้องเข้าใจกันก่อนก็คืออัตราสิ้นเปลือง รถทรงนี้ลมเข้าซุ้มบังโคลนหลังล้อหน้าแบบเต็มๆ แรงต้านมันเยอะกว่าปกติ โดยถ้าไปเทียบจะตัว 350E จะเห็นเลยว่าโช้คหน้ามันยาวกว่า สูงกว่า รวมไปถึงแอร์โร่วบอดี้ก็ค่อนข้างจะกินลมเยอะกว่า ดังนั้นทั้งแดร๊กฟอร์ซและดาวน์ฟอร์ซ จะมากกว่าสกูตเตอร์ทรงสปอร์ตและทัวร์ริ่งประมาณหนึ่งอย่างแน่นอน โลกนี้มันเป็นเช่นนี้ อะไรที่เราได้มาก็จะต้องเสียอีกอย่างชดเชยกันไปตามสัดส่วน ดังนั้นทั้งส่วนของท็อปสปีดและอัตราสิ้นเปลืองก็จะต่างไปจากรุ่นพี่อย่าง 350E และ 350D อย่างแน่นอน กินกว่ามากน้อยก็เป็นไปตามข้อมือว่าหวดหนักเบาหรือเนียนคันเร่งได้แค่ไหนเพราะแต่ละคนมือหนักเบาต่างกัน ส่วนตัวผมวิ่งจากกรุงเทพไปบุรีรัมย์ น้ำหนักบรรทุกถือว่าโหลดไปเต็มที่สำหรับการเดินทางคนเดียว เพราะมีสัมภาระใต้เบาะเป็นอุปกรณ์แคมป์ปิ้งติดไปด้วยหนึ่งชุด เป็นเต็นท์กระโจมตามภาพ กราวด์ชีท ที่นอนเป่าลม  ถุงนอน (แวะไปนอนที่เทศกาลจุดกางเต็นท์มาหนึ่งคืน) รวมๆแล้วน้ำหนักทั้งหมดที่รถแบกไปก็ไม่ได้ต่างจากซ้อนสองแบกของไปเที่ยวสักเท่าไร(น้ำหนักมนุษย์ปกติ) ยืนความเร็วยาวๆที่ประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำมันไปกระพริบที่บุรีรัมย์พอดีในระยะทางประมาณ 400 โลหน่อยๆ (ถ้าเกจน์น้ำมันกระพริบนั่นคือใช้น้ำมันไปแล้วประมาณ 15 ลิตร) จากการคำนวน ถ้าวิ่งแบบประหยัดหรือแบบมนุษย์ปกติเขาวิ่งกันสัก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถังนึง 500 กิโลเมตร มีให้เห็นแน่นอนจ้า

สำหรับกระทู้นี้ก็ต้องขอเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้ ช่วงกลางเดือนไปถึงปลายเดือนนี้จะขึ้นเหนือหลายวันไปหาทางแอดเวนเจอร์กลางๆหนักๆกับเอนดูโร่เบาๆเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมของ Zontes 368G มาอัพเดทในส่วนของทางแดงกันอีกครั้งจ้า